วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555

ภารกิจ... ภัยพิบัติ... และ มนุษย์ต่างดาว... เรื่องราวถ่ายทอดจากความฝัน



เรื่องราวต่อไปนี้ เป็นเพียงความฝันเท่านั้น ผู้เขียน (Eye) ต้องการถ่ายทอดเพื่อเป็นข้อคิด และสติเตือนใจแก่ท่านทั้งหลาย..

.. ขออนุโมทนาแด่ผู้ร่วมภารกิจทุกท่าน .. 






... ฉันกำลังยืนอยู่สถานที่แห่งหนึ่ง.. มันคือสันเขื่อน.. ผู้คนมากมายยืนอยู่บริเวณนั้น.. ใครบางคนยืนอยู่ข้างๆฉัน.. เบียร์.. เธอคือเพื่อน.. และผู้ร่วมภารกิจ






... เราต่างทอดสายตาออกไปเบื้องหน้า.. ภาพคลื่นใหญ่มหึมาอยู่ไกลสุดสายตา แต่ชัดเจนยิ่งนัก.. ฉันรู้สึก.. รู้สึกถึงความกลัวที่ผุดขึ้นมา.. เมื่อเพียงแค่รู้สึก.. ความกลัวก็ไม่มีอิทธิพลกับฉันแต่อย่างใด.. ผู้คนรอบข้าง.. ผู้ร่วมภารกิจ.. เรา.. ต่างไม่แสดงความกลัวแม้แต่น้อย..


... ในห้วงความคิด.. ฉันตระหนักดีว่า.. ถึงแม้จะกลัว.. แต่กายสังขารนี้.. ก็ยังคงต้องดำเนินภารกิจต่อไป..


... คลื่นมหึมานั้นใกล้เข้ามาทุกขณะ... ความคิด.. หลั่งไหลเข้ามา.. ฉันเพียงแค่ตั้งสติ และรับรู้.. “ลอยตามน้ำไป” 


... สายน้ำใกล้เข้ามาเกือบถึงตัว.. ทุกคนจับมือกัน... “พร้อมแล้วหรือยัง! พร้อมนะ!” ... ฉันตะโกนก้อง พร้อมกับตั้งสติ... ก่อนที่สายน้ำจะปะทะกับตัว เพียงไม่ถึงเสี้ยววินาที..




... ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว.. สายน้ำเชี่ยวทำให้กลุ่มของเราแยกจากกัน.. ฉันลอยไปตามน้ำ.. รู้สึกได้ถึงมือข้างซ้ายซึ่งจับไว้แน่น.. ใครบางคนจับมือฉันอยู่ และมีอีกคนจับมือของผู้นั้นไว้.. ฉันรู้โดยหน้าที่.. ฉันคือผู้นำทาง...


... ฉันมองไม่เห็นเบียร์.. เธอแยกไปจุดอื่น.. ฉันไม่แปลกใจ.. ฉันรู้ดีว่า แม้เราจะเป็นเพื่อนสนิทกันแค่ไหน.. แต่เมื่อถึงเวลา ทุกคนต้องแยกย้ายไปตามงานของตน.. 





... เวลาผ่านไปไม่กี่นาทีท่ามกลางสายน้ำ.. ฉันมองเห็นแพรไม้ไผ่ลำหนึ่ง.. ร่างเรืองแสง 3 ตน ศีรษะกลมขาวสว่าง.. อยู่บนแพรลำนั้น.. 







... มนุษย์ต่างดาวทั้ง 3 ตน ใกล้เข้ามาหาเรา..  เสียงของมนุษย์ต่างดาว ก้องดังเป็นเสมือนความคิดของฉัน.. “จับมือเราไว้” ... ฉันเอื้อมมือขวาไปจับมือของเขาตนหนึ่ง.. เขาตอบกลับมาเป็นความคิด.. “จับให้แน่นกว่านั้นอีก ! แน่นอีก !!” ... ฉันพยายามจับให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ และรู้สึกถึงอีกมือที่จับมือฉันไว้อย่างแน่นเช่นกัน...


... ในทันทีทันใดนั้น.. พวกเราทั้งหมดก็ไหลเชี่ยวตรงไปยังสายน้ำวนเชี่ยวกราด.. ฉันรู้โดยทันที.. มันคือประตูมิติ.. 






... ผ่านไปชั่วพริบตา.. ฉันก็มาปรากฏอีกสถานที่หนึ่ง.. ฉันมองไปรอบๆ.. มีเพียงผู้คน.. ที่นี่.. เป็นชายหาดที่สวยงามมาก.. ฉันมองท้องทะเลออกไปสุดสายตา.. ผืนน้ำไม่จรดท้องฟ้า.. แต่กลับเป็นผืนน้ำผืนเดียวสูงขึ้นไปจรดเพดานแผ่นน้ำที่เอื้อมไม่ถึง.. เสมือนเป็นอีกโลกหนึ่งที่อยู่ใต้ท้องทะเล.. 




... ฉันเกิดความสงสัย.. ฉันคิด.. เพื่อนของฉันไปอยู่ที่ไหนกัน?.. ฉันนึกถึงแอน..


... คำตอบ.. เป็นเสมือนดั่งความคิด.. ตอบคำถามนั้นว่า.. แอนไปอยู่อีกเมืองหนึ่ง.. เป็นเมืองหนาว” ..




... จากนั้น.. ภาพเหตุการณ์ได้หายไปเสมือนฉากภาพยนตร์.. เปลี่ยนเป็นสถานที่ใหม่.. ฉากใหม่.. ณ ที่แห่งนี้.. ฉันไม่รู้จักใครเลย.. ที่นี่คือชายหาด.. มีต้นมะพร้าวมากมาย.. มีเปลนอนผูกไว้กับต้นมะพร้าว เป็นที่พักผ่อนสำหรับทุกๆคน..








... ฉันสงสัย.. ที่นี่ที่ไหน?.. และเหมือนเช่นเคย.. คำตอบซึ่งเป็นความคิดตอบว่า.. ที่นี่คือที่หลบภัย.. ฉันรู้สึกหายข้องใจ.. สบายใจอย่างที่สุด.. ฉันอยากพักผ่อน.. และหมดจากภาระหน้าที่ไปตลอดกาล.. ฉันจะพักที่นี่


... ด้วยความเหนื่อยล้า.. ฉันมองเห็นสะพานเล็กๆ.. ฉันค่อยๆเดินไปนั่ง.. หย่อนขาลงไปบนผืนน้ำ..

... ขณะนั้น.. ฉันรู้สึกใจหายขึ้นมา.. ฉันรับรู้.. ฉันรู้สึกได้.. ฉันจะไม่ได้เจอเพื่อนและคนที่รู้จักอีกแล้ว..









... และทันใดนั้น.. เงาจางๆของพระภิกษุรูปหนึ่ง.. ปรากฏอยู่เบื้องหน้าฉัน.. ท่านพุทธทาสภิกขุ.. 



เงานั้น ค่อยๆจางหายไป.. ฉันตื่นขึ้น..






ความฝันนี้.. ทำให้ฉันตระหนักมากขึ้น.. ถึงสิ่งที่ผู้ทรงภูมิปัญญาจากต่างดาวต้องการจะสื่อ และเน้นย้ำแก่ผู้ร่วมภารกิจอยู่เสมอ..


ในความฝัน.. มนุษย์ต่างดาวยื่นมือมาเพื่อช่วย.. และเน้นย้ำกับฉันว่า “จับให้แน่นกว่านั้นอีก ! แน่นอีก !!”

เปรียบเสมือนการเตือนสติ ให้เราต่างเร่งเพียรปฏิบัติ.. เพียรละวางจากตัวตน.. ตามแนวทางที่มนุษย์ต่างดาวได้มาชี้แนะ.. เสมือนกับมือที่ยื่นเข้ามาช่วย.. ให้เราเพียรเพื่อทำกิจให้สิ้นสุด เพื่อกลับไปสู่ธรรมชาติ.. เปรียบเสมือนดั่งแพรซึ่งทำมาจากไม้ไผ่.. จากธรรมชาติ.. นั่นเอง


.... และสถานที่สุดท้ายที่ปรากฏในฝัน.. เปรียบดั่งจุดมุ่งหมาย.. เป็นสถานที่หลบภัย คือ ภัยจากการยึดมั่นถือมั่น ภัยจากอุปาทานทั้งปวง.. เป็นสถานที่พักผ่อนอย่างแท้จริง... 




วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555

ข้อความจากจักรวาล



ข้อความจากจักรวาล

ถ่ายทอดข้อความเสียง
จากจักรวาลถึงมนุษย์โลก
วันที่ 31 กรกฎาคม 2551


..................

เรามาจากดวงดาวอันไกลโพ้น จากจักรวาลที่ท่านไม่เคยรู้จัก เราคือตัวตนที่สมมุติขึ้นเพื่อสื่อสารกับท่านทั้งหลาย แท้จริงแล้วเราเป็นทั้งภาวะ และอภาวะ เราไม่มีจุดเริ่มต้น ท่ามกลาง และสิ้นสุด เราไม่มีสภาวะที่เป็นชีวิตเหมือนที่ท่านเคยรู้จัก

ตัวของเราแทรกซึมอยู่ในทุกอนูของในสรรพสิ่ง ในตัวท่านทั้งหลายก็มีเราอยู่ เราเป็นผู้ไม่มีการมา ไม่มีการไป ไม่มีการดำรงอยู่ เราเป็นทั้งสภาวะคล้ายดั่งเวลา ที่ท่านไม่สามารถจับต้องได้ แต่ท่านรับรู้เราได้ เราอยู่ในมิติที่ท่านไม่เคยได้รู้จัก ที่ท่านไม่เคยสัมผัส ได้ยินได้ฟังมาก่อน เรียกว่า ธาตุรู้ ตามภาษาของท่าน แต่คำจำกัดความของเราอยู่นอกเหนือการรับรู้ของท่าน ฉะนั้นเราจึงสมมุติตัวเอง สมมุติจิตวิญญาณเราขึ้น เพื่อสื่อสารกับท่าน

ท่านทั้งหลายเป็นนักรบแห่งเรา เป็นผู้มากอบกู้มนุษยชาติ เป็นผู้มีหน้าที่ ที่จะช่วยกันปลดปล่อยโลก ให้พ้นจากความวิบัติที่จะเกิดขึ้น ท่านทั้งหลายถูกหล่อหลอมมาหลายภพหลายชาติเกิดตายไม่มีสิ้นสุด บัดนี้ ถึงเวลาแล้ว ที่เราจะปลุกจิตวิญญาณของท่าน เปิดจิตของท่าน ให้รับรู้สภาวะที่แท้จริงแห่งชีวิต เพื่องานของเราที่วางโครงข่ายไว้นับพันปีบรรลุผล และเป็นหน้าที่ของเราทั้งหลาย ที่ต้องทำโครงข่ายของเรา ที่วางโครงข่ายไว้นับพันปีบรรลุผล และเป็นหน้าที่ของเราทั้งหลายที่ต้องทำ

ท่าน ทั้งหลาย การที่เราติดต่อมาครั้งนี้ มิใช่ครั้งแรก มิใช่ครั้งเดียว เรามีหน้าที่นี้มานับร้อยนับพันครั้ง ตั้งแต่โลกใบนี้ก่อเกิด เราติดต่อกับคนจำนวนมากหลายที่สัมผัสคลื่นของเราได้ นับอดีตจนถึงปัจจุบันเป็นจำนวนครั้งไม่ถ้วน ในรูปแบบต่าง ๆ กัน

ท่าน ทั้งหลาย ที่มาประชุม ณ ที่นี้ ที่ได้ยินข้อความนี้ ที่ได้รับรู้ข้อความนี้ ท่านจะบรรลุถึงภาวะดั้งเดิมของท่านก่อนที่จะมาจุติบนโลกนี้ รับรู้ถึงภาวะหน้าที่ของท่านที่มีภาระต่อพันธะสัญญาทั้งหลาย ท่านเวียนว่ายตายเกิดมาหลายภพหลายชาติ หลายหมื่นหลายแสนชาติ นับกัป นับกัลป์ไม่ถ้วน บัดนี้ ท่านถึงเวลาแล้ว

ท่านทั้งหลายที่อยู่ในระบบ ของเรา ได้ถูกโปรแกรมในการทำงานไว้เรียบร้อยแล้ว ในสมองของเรา ในสมองของท่าน ล้วนเป็นหนึ่งเดียวกันมิมีแตกต่าง ท่านทั้งหลายต่อไปจะได้ทำงานเป็นกลุ่ม ทำงานประสานกัน ต่อไปภายภาคหน้าท่านทั้งหลายจะเป็นเสมือนขุนพลแห่งเรา แม่ทัพแห่งเรา จะเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้ออกไปยังคนที่เราวางตัวไว้ทั่วโลก

สิ่งที่ท่านได้รับตอบแทนจากเรา ก็คือภพชาติของท่านจะสั้นลง หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดทั้งหลาย หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานทั้งหลาย หลุดพ้นจากอวิชชาทั้งหลาย หลุดพ้นจากการครอบงำจากมารทั้งปวง วิบากกรรมของท่านทั้งหลาย ถึงแม้จะมีมากมายมหาศาล หากท่านสัมผัสเราได้ วิบากกรรมนั้น ย่อมหลุดล่วงลงไป การเวียนว่ายตายเกิดก็จะลดน้อยถอยลง ซึ่งเราได้วางตัวคนเหล่านี้ไว้เรียบร้อยแล้ว ที่ท่านจะได้รับฟังข้อความจากเราผ่านสภาวะต่าง ๆ หลาย ๆ สภาวะ เรามาได้ในทุกรูปแบบ ทั้งเป็นวัตถุธาตุ วัตถุธรรม สิ่งมีชีวิต และปรากฏการณ์อื่น ๆ ที่ท่านไม่คาดคิดมาก่อน นั่นคือการจัดวางของเราทั้งสิ้น

โดยเฉพาะคนที่ต้องทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลของเรา ท่านจะต้องรับบทเรียน และการฝึกฝนอันหนักหน่วง เพื่อทดสอบสภาวะจิต และยกระดับจิตให้สูงขึ้น ผ่านข้อความจากเรา หรือจากคนอื่น หรือแม้แต่คนที่ท่านไม่เคยรู้จัก ซึ่งเราอยู่ใกล้เคียงท่านตลอด ดูแลท่านอยู่ตลอด คอยชี้นำแนวทางท่านอยู่ตลอดมา แต่ท่านหาเคยรับรู้ไม่ เราผสมผสานเป็นหนึ่งในทุกสรรพสิ่ง เราเป็นผู้ไม่มีการมา ไม่มีการไป เราคือผู้เป็นเช่นนั้นเอง

จากวันนี้ไป ท่านจะได้รับการถ่ายทอด วิถีธรรมแห่งปัญญาสู่ดวงจิตของท่านทั้งหลายแล้ว ซึ่งจะรับรู้ และสัมผัสได้ก็ต่อเมื่อท่านได้พิจารณาเห็นถึงความว่าง ละวางจากตัวตน ละวางจากความยึดมั่นถือมั่น ปล่อยวางในทุกสิ่ง เพราะแท้ที่จริงแล้วท่านถูกหล่อหลอมมาเพื่อทำงาน ไม่มีสิ่งใดคือตัวท่าน ไม่มีสิ่งใดเป็นของท่าน ไม่มีสิ่งใดที่เรียกว่าเป็นจิตของท่าน ไม่มีสิ่งใด ๆ ที่ท่านควรจะยึดถือไว้

ตัวท่านที่ประสบทุกข์มานับไม่ถ้วน ประสบความผิดหวังมานับไม่ถ้วน ประสบความทุกข์ทรมาน เศร้าโศกเสียใจ ความโทรมนัสทั้งหลาย ล้วนแต่เป็นจิตของท่านสร้างขึ้น ด้วยความไม่รู้ของท่านเอง ทั้งในเมื่ออดีต คือผู้ที่ฟุ้งเฟ้อในกามคุณทั้งหลาย ในเทวโลก ในมนุษยโลก ในพรหมโลก ในจักรวาลอื่น

แต่ด้วยภาระหน้าที่ที่ผูกพัน เป็นกรรมสัมพันธ์ ทำให้ต้องเกิดมาอยู่บนโลกใบนี้ รับหน้าที่บางอย่าง ซึ่งท่านจะรู้ต่อไปในวันข้างหน้า ชีวิตของท่านไม่มีสิ่งใดควรเรียกว่าชีวิต ไม่มีสิ่งใดควรเรียกว่าจิต ไม่มีสิ่งใดเรียกว่าขันธ์ ไม่มีสิ่งใดเรียกว่าวิญญาณ ไม่มีสิ่งใดเรียกว่าการรับรู้ หากท่านเข้าใจดั่งนี้แล้ว ท่านจะเข้าถึงภาวะถึงหน้าที่ ถึงปัญญาที่แท้จริง หามิเช่นนั้นแล้ว การเกิดชาตินี้ของท่านก็ย่อมสูญเปล่า ต้องกลับไปวนเวียนว่ายตายเกิดนับไม่ถ้วน

ฉะนั้น ขอจงอย่าประมาทในชีวิต ขอจงฟังคำของผู้ที่มาขยายระบบให้ท่าน ผู้ที่มาถ่ายทอดให้ท่าน ผู้ได้รับการรับรองจากเราแล้ว ภาระหน้าที่ของท่าน ยังไม่ได้สำเร็จลุล่วงไป จนกว่าท่านจะได้เห็น จะได้เข้าถึงความว่าง การละวาง การปลดปล่อย

เราโดยสมมุติ โดยหน้าที่ และเราเป็นผู้ถ่ายทอด ให้กับท่านโดยตรง ผ่านทางทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวท่าน ทางด้านภาวะ อารมณ์ ผ่านด้านสภาพแวดล้อม ทางด้านวัตถุ หากท่านมีปัญญา ท่านย่อมรับรู้และเห็นได้เอง และเมื่อถึงวันนั้นท่านพบเรา ท่านเห็นเราแล้ว ภาระหน้าที่ของเราก็หมดสิ้น ภาระหน้าที่ของท่านก็ย่อมหมดสิ้น .







คลิก >> ข้อความถ่ายทอดจากผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต